การสูญเสียแผ่นดินครั้ง
14 ครั้ง
ครั้งที่ ๑
เกาะหมาก(ปีนัง)เสียให้กับประเทศอังกฤษ
เมื่อ ๑๑ สิงหาคม ๒๓๒๙
พื้นที่ ๓๗๕ ตร.กม. ในสมัย ร.๑ เกิดจาก พระยาไทรบุรี
ให้อังกฤษเช่าเกาะหมากเพื่อหวังจะขอให้อังกฤษคุ้มครองเกาะหมากจากกองทัพ
ของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งยกทัพมาจัดระเบียบหัวเมืองปักษ์ใต้
ในที่สุดอังกฤษก็ยึดเอาไป
ครั้งที่ 2 เสียเมืองมะริด ทวาย ตะนาวศรี ให้พม่า
พื้นที่ ๕๕,000 ตร.กม.ในรัชกาลที่ ๑
มังสัจจาเจ้าเมืองทวายเป็นไส้สึกให้พม่า เพราะไม่พอใจที่กองทัพไทยเข้ายึดครอง
และไทยไม่สามารถตีคืนกลับมาได้
ครั้งที่ ๓
บันทายมาศ(ฮาเตียน)ให้กับฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ.๒๓๓๖ ในสมัยรัชกาลที่ ๒
ครั้งที่ ๔ แสนหวี
เมืองพง เชียงตุง ให้กับพม่า
เมื่อ พ.ศ.๒๓๖๘
พื้นที่ ๖๒,๐๐๐ ตร.กม.ในสมัย
รัชกาลที่ ๓ แต่เดิมเราได้ดินแดนนี้มาในสมัยรัชกาลที่ ๑ โดยพระเจ้ากาวิละ
ยกทัพไปตีมาขึ้นอยู่กับไทยได้ ๒๐ ปี
เนื่องจากเป็นดินแดนที่อยู่ห่างไกลประกอบกับเกิดกบฏเจ้าอนุเวียงจันทร์และ
เกิดกบฏทางหัวเมืองปักษ์ใต้(กลันตัน ไทรบุรี)
ครั้งที่ ๕ รัฐเปรัค
ให้กับอังกฤษ
เมื่อ พ.ศ.๒๓๖๙
ในสมัยรัชกาลที่ ๓ เป็นการสูญเสียที่ทำร้ายจิตใจ คนไทยทั้งชาติ
เพราะเป็นการสูญที่ห่างจากครั้งก่อนไม่ถึง ๑ ปี
ครั้งที่ ๖
สิบสองปันนา ให้กับจีน
เมื่อ ๑ พฤษภาคม ๒๓๙๗
พื้นที่ ๙๐,๐๐๐ ตร.กม.
ในสมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นดินแดนในยูนานตอนใต้ของประเทศจีน
เมืองเชียงรุ้งเป็นเมืองหลวงของไทยสมัยรัชกาลที่ ๑
ต่อมาเกิดการแย่งชิงราชสมบัติกันเอง แสนหวีฟ้า
มหาอุปราชหนีลงมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในสมัยรัชกาลที่ ๓ ได้เกณฑ์ทัพเชียงใหม่ ลำปาง
ลำพูนไปตีเมืองเชียงตุง (ต้องตีเมืองเชียงตุงให้ได้ก่อนจึงจะได้เชียงรุ้ง)แต่ไม่สำเร็จเพราะไม่
พร้อมเพรียงกัน มาในสมัยรัชกาลที่ ๔
ได้ให้กรมหลวงลวษาธิราชสนิท(ต้นตระกูลสนิทวงศ์) ยกทัพไปตีเชียงตุงเป็นครั้งที่ ๒
แต่ไม่สำเร็จจึงต้องเสียให้จีนไป
ครั้งที่ ๗
เขมรและเกาะ ๖ เกาะ ให้กับฝรั่งเศส
เมื่อ วันที่ ๑๕
กรกฎาคม ๒๔๑๐ พื้นที่ ๑๒๔,๐๐๐
ตร.กม. ในสมัย ร.๔ ฝรั่งเศสบังคับให้เขมรทำสัญญารับความคุ้มครองจากฝรั่งเศส
หลังจากนั้นได้ดำเนินการทางการฑูตกับไทย ขอให้มีการปักปันเขตแดนเขมรกับญวน
แต่กลับตกลงกันไม่ได้ ขณะนั้นพระปิ่นเกล้า แม่ทัพเรือสวรรคต ไทยจึงอ่อนแอ
ฝรั่งเศสจึงฉวยโอกาสบังคับทำสัญญารับรองความอารักขาจากฝรั่งเศสต่อเขมร
ในช่วงนี้เอง อังกฤษกับฝรั่งเศสได้ทำสัญญากันเมื่อ ๑๕ มกราคม ๒๔๓๘
โดยตกลงกันให้ไทยเป็นรัฐกันชน ประกอบกับการดำเนินนโยบายของ ร.๕
ที่ไปประพาสยุโรปถึง ๒ ครั้ง ทำให้อังกฤษ เยอรมัน รัสเซียเห็นใจไทยฝรังเศสจึงยึดดินแดนไป
ครั้งที่ ๘
สิบสองจุไทย (เมืองไล เมืองเชียงค้อ) ให้กับฝรั่งเศส
เมื่อ ๒๒ ธันวาคม ๒๔๓๑
พื้นที่ ๘๗,๐๐๐ ตร.กม. ในสมัย
รัชกาลที่ ๕ พวกฮ่อ ก่อกบฏ ไทยจัดกำลังไปปราบ ๒ กองทัพ แต่ปฏิบัติเป็นอิสระแก่กัน
อีกทั้งแม่ทัพทั้งสองไม่ถูกกัน จึงเป็นโอกาสให้ฝรั่งเศสส่งทหารเข้าเมืองไล
โดยอ้างว่า มาช่วยไทยปราบฮ่อ แต่หลังจากปราบได้แล้วก็ไม่ยอมยกทัพกลับ
อีกทั้งไทยก็ไม่ได้จัดกำลังไว้ยึดครองอีกด้วย
จนในที่สุดไทยกับฝรั่งเศสได้ทำสัญญากันที่เมืองแถง(เบียนฟู)
ยอมให้ฝรั่งเศสรักษาเมืองไลและเมืองเชียงค้อ
ครั้งที่ ๙ ฝั่งซ้ายแม่น้ำสาละวิน
ให้กับประเทศอังกฤษ
ใน สมัย รัชกาลที่ ๕
ในห้วงปี ๒๔๓๓ เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ทางด้านรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจและทรัพยากร
อันอุดมด้วยดินแดนผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ยิ่ง
ครั้งที่ ๑๐
ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง (อาณาจักรล้านช้าง หรือประเทศลาว) ให้กับฝรั่งเศส
เมื่อ ๓ ตุลาคม ๒๔๓๖
พื้นที่ ๑๔๓,๐๐๐ ตร.กม.
ในสมัยรัชกาลที่ ๕
เป็นของไทยมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวร
ต้องเสียให้กับฝรั่งเศสตามสัญญาไทยกับฝรั่งเศส
เท่า นั้นยังไม่พอ
ฝรั่งเศสเรียกเงินจากไทย ๑ ล้านบาท เป็นค่าเสียหายที่ต้องรบกับไทย
เสียค่าประกันว่าไทยต้องปฏิบัติตามสัญญาอีก ๓ ล้านบาท
และยังไม่พอฝรั่งเศสได้ส่งทหารมายึดเมืองจันทบุรีและตราด ไว้ถึง ๑๕ ปี
นับว่าเป็นความเจ็บปวดที่สุดของไทยถึงขนาดที่เจ้านายฝ่ายในต้องขายเครื่อง
แต่งกายเพื่อนำเงินมาถวาย ร.๕ เป็นค่าปรับ ร.๕ ต้องนำถุงแดง(เงินพระคลังข้างที่)
ออกมาใช้
ครั้งที่ ๑๑ ฝั่งขวาแม่น้ำโขง(ตรงข้ามเมืองหลวงพระบาง
ดินแดนในทิศตะวันออกของน่าน,จำปาศักดิ์,มโนไพร)ให้กับฝรั่งเศส
เมื่อ ๑๒ กุมภาพันธ์
๒๔๔๖ พื้นที่ ๒๕,๕๐๐ ตร.กม. ในสมัย ร.๕
ไทย
ทำสัญญากับฝรั่งเศสเพื่อขอให้ฝรั่งเศสคืนจันทบุรีให้ไทย
แต่ฝรั่งเศสถอนไปแต่จันทบุรีแล้วไปยึดเมืองตราดแทนอีก ๕ ปี
แล้วเมื่อฝรั่งเศสได้หลวงพระบางแล้วยังลุกล้ำย้านนาดี,ด่านซ้าน จ.เลย
และยังได้เอาศิลาจารึกที่พระเจดีย์ศรีสองรักษ์ไปด้วย
ครั้งที่ ๑๒
มลฑลบูรพา(พระตะบอง,เสียมราฐ,ศรีโสภณ)ให้กับฝรั่งเศส เมื่อปี ๒๔๔๙ พื้นที่
๕๑,๐๐๐ ตร.กม.ในสมัย ร.๕
ไทย
ได้ทำสัญญากับฝรังเศส เพื่อแลกกับ ตราด,เกาะกง,ด่านซ้าย
ตลอดจนอำนาจศาลไทยที่จะบังคับต่อคนในบังคับของฝรั่งเศสในประเทศไทย
เพราะขณะนั้นมีคนจีนญวนไปพึ่งธงฝรั่งเศสกันมากเพื่อสิทธิการค้าขาย
ฝรั่งเศสก็เพียงแต่ถอนทหารออกจากตราดเมื่อ ๖ กรกฎาคม ๒๔๕๐ กับด่านซ้าย คงเหลือแต่เกาะกงไม่คืนให้ไทย
ครั้งที่ ๑๓
รัฐกลันตัน,ตรังกานู,ไทรบุรี,ปริส ให้กับอังกฤษ เมื่อ ๓๐ มีนาคม ๒๔๕๑ พื้นที่ ๘๐,๐๐๐ ตร.กม.ในสมัย ร.๕ ไทยได้ทำสัญญากับอังกฤษ
เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจศาลไทยที่จะบังคับคดีความผิดของคนอังกฤษในไทย
ครั้งที่ ๑๔
เขาพระวิหาร ให้กับเขมร
เมื่อ ๑๕ มิถุนายน
๒๕๐๕ พื้นที่ ๒ ตร.กม. ในสมัย ร.๙
ตามคำพิพากษาของศาลโลก
ให้เขาพระวิหารตกเป็นของเขมร เนื่องมาจากหลักฐานสำคัญของเขมร
ใน
สมัยที่เป็นของฝรั่งเศส เมื่อรู้ว่ากรมพระยาดำรงราชานุภาพจะเสด็จเขาพระวิหาร
จึงไปก่อนแล้วชักธงชาติฝรั่งเศสรับเสด็จ แล้วจึงถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน
ที่มา http://www.unigang.com/Article/4827
ที่มา http://www.unigang.com/Article/4827
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น